How to เตรียมตัวไปเรียนต่อต่างประเทศ

How to เตรียมตัวไปเรียนต่อต่างประเทศ

  ช่วงนี้มีทุนไปเรียนนอกฟรี เยอะมากแต่น้องๆ หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าต้องเตรียมตัวยัง เริ่มอะไรก่อน วันนี้เราก็จะมาแนะนำ How to เตรียมตัวไปเรียนต่อต่างประเทศ ซึ่งคำถามยอดฮิตที่ถามกันทุกวันคือ “ไม่เก่งอังกฤษจะไปเรียนต่อนอกได้มั้ย? ไม่เก่งอังกฤษจะสอบชิงทุนได้มั้ย?” คำถามเหล่านี้จะหมดไปค่ะ เพราะเราจะมาไขทุกข้อสงสัย ไปดูกันดีกว่าว่าต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

  1.ฝึกภาษาอังกฤษเข้าไว้

พูดตรงๆ แบบไม่อ้อมค้อมเลยว่า “เงิน” สามารถช่วยจัดการหลายๆ อย่างได้(ในระดับนึง) เช่น น้องสมัครเรียนมหาวิทยาลัยในเมืองนอกไปโดยจะออกเงินเอง ไม่ได้ขอทุน โดย?ที่มีคะแนนสอบภาษาอังกฤษพวก TOEFL หรือ IELTS ไม่ค่อยดีนัก มหาวิทยาลัยเขาจะ?ยังไม่ปฏิเสธน้องทีเดียวเลยหรอกค่ะ แต่เขาจะยื่นข้อเสนอหรือ offer มาก่อนว่า “จะรับเข้าเรียนโดยต้องไปสอบ TOEFL หรือ IELTS ใหม่อีกรอบให้ผ่านตามคะแนนที่กำหนด”?ดังนั้นหากเราไปสอบมาใหม่ให้ได้คะแนนดีขึ้น จ่ายค่าเทอม แค่นี้ก็ได้ไปเรียนแล้ว

หรือในอีกกรณี หากน้องสมัครเรียนผ่านเอเจนซี่ เอเจนซี่จะช่วยหาโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยที่ไม่ได้มีเงื่อนไขสูงมากนัก?ที่พอจะรับคนที่ไม่เก่งภาษามากเข้าไปเรียนได้ เพราะยังไงเอเจนซี่ก็ต้องรักษาฐานลูกค้าไว้ก่อนค่ะ

ถ้าน้องจะสมัครทุนหรือสอบชิงทุน ขอตอบเลยว่า “ไม่น่ารอดค่ะ” ทุนมีให้สำหรับคนที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งคำว่า “เหมาะสมที่สุด” นั้น ก็รวมไปถึงความเก่งทางวิชาการและรวมถึงภาษาอังกฤษด้วย 

  2.ต้องมีคะแนนสอบภาษาอังกฤษ

คะแนนที่ว่านั้นก็คือ TOEFL หรือ IELTS ที่เขียนไว้แล้วในข้อแรกนั่นเอง

  3.สอบวัดระดับภาษาอื่นๆ ที่จำเป็น

น้องๆ ที่คิดจะไปเรียนต่อในประเทศที่ใช้ภาษาที่ 3 ต้องอ่านไว้ค่ะ โดยเฉพาะเกาหลี จีน ญี่ปุ่น น้องๆ ควรไปสอบวัดระดับภาษาเกาหลีนั้นๆ เก็บไว้ เพราะบางทุนกำหนดว่า “ต้องมีคะแนนวัดระดับของภาษานั้นๆ” ประกอบในการยื่นสมัครด้วย หรือบางทุนไม่ได้บังคับว่าต้องมี แต่ทุนนั้นๆ มักจะลงท้ายว่า ” ผู้ที่มีผลคะแนนวัดระดับของภาษานั้นๆจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ 

  4.เตรียมเอกสารให้พร้อม

เอกสารที่ใช้ในการสมัครทุนต่างๆ นั้นมีเยอะทีเดียวค่ะ

-ใบแสดงผลการศึกษา หรือเรียกง่ายๆ ว่าทรานสคริปต์ 

-ใบรับรองสภาพการเป็นนักเรียนหรือใบรับรองการจบการศึกษา

เอกสารที่เป็นของเราเอง

– สูติบัตร หรือใบรับรองการเกิด

– ทะเบียนบ้าน ส่วนมากจะใช้หน้าที่มีชื่อเรานั่นเอง

– หนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ต บางทุนกำหนดว่าผู้สมัครต้องส่งสำเนาพาสปอร์ตไปให้ดูด้วย เพื่อดูว่าเรามีสัญชาติไทยจริงๆ 

เอกสารที่ต้องนำไปแปลเป็นภาษาอังกฤษ

– น้องๆ ควรนำไปแปลตามร้านรับแปลเอกสารต่างๆ หาได้ทั่วไปตามริมถนน ใช้เวลา 1-2 วันเท่านั้น เอกสารที่ควรนำไปแปลคือ เอกสารที่ต้องเน้นความแม่นยำและถูกต้อง แบบว่า?แปลผิดไม่ได้เด็ดขาด นั่นก็คือเอกสารราชการค่ะ เช่น ใบสูติบัตร ใบทะเบียนบ้าน

– ส่วนเอกสารอื่นๆ เช่น ใบแสดงผลการศึกษา ใบรับรองสภาพการเป็นนักเรียน หากโรงเรียนไม่สามารถออกเป็นภาษาอังกฤษได้จริงๆ  น้องก็ควรนำไปให้ร้านรับแปลเอกสารแปลเหมือนกันค่ะ 

– พอร์ตฟอลิโอ หรือ ใบประกาศนียบัตร ที่เคยได้จากการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ไม่ซีเรียสค่ะ แปลเองได้เลย

  5.คิดดีๆ อยากเรียนที่ไหน

สิ่งที่จะช่วยตอบโจทย์ตัวนี้ให้เราได้ก็คือ RANKING หรือการจัดอันดับค่ะ น้องๆ สามารถค้นหาจากกูเกิ้ลได้ไม่ยาก เช่น “TOP FINANCE PROGRAM IN CHINA” เพียงเท่านี้ กูเกิ้ลก็จะช่วยหาคำตอบให้เราได้แล้วค่ะ ดังนั้นน้องๆ ควรศึกษาล่วงหน้าไว้บ้างว่า สาขาที่เราอยากเรียนนั้นมีที่ใดดังบ้าง จะได้มีเป้าหมายมากขึ้นว่าเราอยากเรียนต่อในมหาวิทยาลัยไหน

  6.ทุนที่อยากได้

ตอนนี้ทุนเรียนต่อต่างประเทศก็มีเยอะแยะมากมาย บางทุนเราอาจจะไม่รู้จัก น้องๆก็ต้องคอยติดตามข่าวสาร เรียนต่อนอก ให้ดีๆนะคะ เช่น โปรแกรมค้นหาทุนเรียนต่อต่างประเทศสามารถค้นหาได้แล้วว่ามีทุนให้เรียนในสาขาหรือประเทศที่เราต้องการหรือเปล่า

   เป็นอนอย่างไรบ้างคะกับ How to เตรียมตัวไปเรียนต่อต่างประเทศ เราหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับใครหลายๆคนในการเตรียมตัวก่อนสมัครขอทุน ลองนำไปใช้กันจะได้ไปเรียนต่างประเทศได้อย่างสบายๆ

#เรียนต่อต่างประเทศ #เรียนต่อนอก #ดีไอวายง่ายๆ 

บทความน่าสนใจ